หลวงปู่คำพันธ์ฯ ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งแรกเมื่ออายุ ระหว่าง ๒๐-๒๔ ปี โดยมีท่านพระครูสัจจาภิราม (ญาท่านพิม) วัดธาตุศรีคุณ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เจ้าคณะอำเภอนาแกองค์แรก เป็นอุปัชฌาย์ และได้อุปสมบทครั้งที่สอง เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๔๘๘ ในขณะที่มีอายุได้ ๓๐ ปี โดยมีท่านพระครูนาครธรรมนิเทศ (ญาท่านหน่าน) โพธิ์ชัย บ้านต้นแหน อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เจ้าคณะอำเภอนาแกองค์ที่สอง เป็นอุปัชฌาย์ และการอุปสมบทครั้งนี้ หลวงปู่คำพันธ์ฯ ได้เรียนกรรมฐานจาก “หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล” ในช่วงที่เดินธุดงค์ผ่านมายังจังหวัดนครพนม หากครั้งไหนหลวงปู่ฯ ติดขัดในข้อกรรมฐานจะไปปรึกษา “หลวงปู่กินรี จันทิโย” ที่บ้านฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม และศึกษากับผ้าขาวครุฑ (ที่จังหวัดเลย) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ “ญาท่านสำเร็จลุน” ผ้าขาวครุฑ ท่านเป็นคนจากบ้านหนองหอย และเป็นญาติกับหลวงปู่คำพันธ์ฯ ด้วย โดยกระดูกของท่านส่วนหนึ่ง หลวงปู่คำพันธ์ฯ ได้นำมาไว้ที่ “วัดส้างพระอินทร์” สำหรับการสอนกรรมฐานของทั้งสามท่านนั้น มีการสอนที่เหมือนกัน คือใช้คำภาวนาพุทโธ สอนสติ ปัฏิฐาน ๔ โดย “หลวงปู่คำพันธ์ฯ” ตั้งใจปฏิบัติเองจนสามารถเห็นพระอินทร์ในสมาธิ วันหนึ่งขณะที่หลวงปู่คำพันธ์ฯ นั่งสมาธิท่านได้พบกับพระอินทร์ หลวงปู่ฯ ได้ถามว่า “พระอินทร์มาทำไม” พระอินทร์ตอบว่า “มานิมนต์สามเณรขึ้นสวรรค์ในวันแรม ๑ ค่ำ (คือพรุ่งนี้)” หลวงปู่ฯ กลัวตายจึงนั่งภาวนาเดินจงกรมทั้งคืนจนเหนื่อย และได้นอนหลับไป สักพักหลวงปู่คำพันธ์ฯ สะดุ้งตื่นกลางดึก และเห็นสิ่งของเครื่องใช้ทุกชิ้นตั้งอยู่ที่เดิม ท่านจึงปลุกพระองค์ที่นอนอยู่ข้างๆ ให้ตื่นขึ้น เพราะท่านนึกว่าตายแล้ว จึงได้นั่งภาวนาจนฟ้าสว่าง

ประวัติ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ

  หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ มีชื่อสกุลว่า คำพันธ์ ศรีสุวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๘ ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๒ ปีเถาะ ที่บ้านหนองหอยใหญ่ หมู่ที่ ๔ ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีเชื้อสายมาจากจังหวัดร้อยเอ็ด บ้านไผ่อินทรีย์ บ้านนะสะ มีโยมบิดาชื่อ นายเคน โยมมารดา ชื่อนางล้อม และมีน้องสาว ชื่อคำพวง เมื่อตอนหลวงปู่อายุได้ ๕ ปี โยมบิดาเสียชีวิต โยมมารดาได้แต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยงชื่อ นายแสง ซึ่งรักท่านและน้องสาวมาก และท่านยังมีน้องร่วมมารดาอีก 4 คน คือ นางสด วงษ์ผาบุตร, นายมาด แสนสุภา, นางสวย แสนสุภา และนางกดชา เสนาช่วย

จากนั้นหลวงปู่คำพันธ์ฯ ได้บอกกับพระอีกองค์ว่า หากท่านตายให้ตัดนิ้วชี้ทั้งซ้ายและขวา นำไปตากแห้งและส่งไปให้พ่อแม่ของท่าน แต่นับจากวันนั้นท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ และอีกครั้งหนึ่งหลวงปู่คำพันธ์ฯ ได้นั่งกรรมฐานแล้วเห็นแสงสว่างเหมือนกับหลอดไฟตกลงมาจากฟ้า และกลายเป็นบันไดให้เดินขึ้นสวรรค์ ท่านได้อธิษฐานด้วยจิตที่แข็งกล้าเพื่อหวังจะได้ปีนขึ้นไปบนสวรรค์ได้สำเร็จ แต่บันไดนั้นกลับเลือนหายไป ตั้งแต่นั้นมาท่านจึงรู้วิธีแก้อารมณ์ กรรมฐาน รู้จักวิปัสนูกิเลส และได้สอนกรรมฐานให้แก่ผู้อื่นได้ จนมีลูกศิษย์ทั่วทุกสารทิศให้ความเลื่อมใสศรัทธา นับถือจนมีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้